The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์

รีวิว The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์

The Covenant ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญแห่งปี 2023 ที่ร่วมเขียนบท อำนวยการสร้าง และกำกับโดยกาย ริตชี่ นำแสดงโดย เจค กิลเลนฮาล และ ดาร์ ซาลิม ปฐมบทของการต่อสู้ในสงครามอัฟกานิสถานและตาลิบัน เต็มไปด้วยประเด็นเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างสงครม ความหวัง และโอกาสครั้งใหม่ ที่อาจทำให้ใครหลายคนน้ำตาซึมก็ว่าได้ ซึ่งเรียกว่านี่คือผลงานชิ้นใหม่ที่ฉีกแนวไปจากผลงานก่อนหน้าของกาย ริตชี่ ที่มักเป็นหนังแนวอาชญากรรมหรือคอเมดี้ ครั้งนี้เขาหันมาจับงานแนวแอ็คชั่นระทึกขวัญที่เต็มไปด้วยฉากบู๊ที่ดุเดือดและฉากแอ็กชันที่สมจริง

เนื้อเรื่องจะเล่าเรื่องราวของ จอห์น คินลีย์ จ่าสิบเอกกรีนเบเรต์ของกองทัพสหรัฐฯ และอาเหม็ด ล่ามชาวอัฟกานิสถานของเขาที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มตาลิบัน โดยการเปิดฉากการโจมตีของกลุ่มตาลิบันในเมืองคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน จอห์นและอาเหม็ด ถูกจับเป็นตัวประกัน แต่ทั้งคู่สามารถหลบหนีออกมาได้ จนได้ออกเดินทางไปยังฐานทัพสหรัฐฯ ที่อยู่ห่างไกลหลายไมล์ ที่สำคัญกว่านั้นระหว่างทางพวกเขาต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย ทั้งจากการไล่ล่าของกลุ่มตาลิบัน สภาพอากาศที่โหดร้าย และอุปสรรคต่างๆ มากมายที่รอพวกเขาอยู่

ความเด่นชัดของหนังเรื่องนี้ต้องยกให้ฉากแอ็คชั่นที่ดุเดือดและสมจริง กาย ริตชี่ ผู้กำกับที่ขึ้นชื่อเรื่องฉากแอ็กชันที่มันส์สะใจ ยังคงรักษามาตรฐานของเขาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ฉากแอ็คชันในหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและลุ้นระทึก ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการต่อสู้ด้วยตัวเองจริงๆ ในสนามรบ ทั้งการถูกไล่ล่าในย่านเมืองเก่าของคาบูล ที่ทั้งคู่ต้องต่อสู้กับกลุ่มตาลิบันในภูเขา หมู่บ้านร้าง ก็ใช้เทคนิคการถ่ายทำจนได้ฉากแอ็คชั่นที่สมจริง การใช้เทคนิค CGI เพื่อสร้างฉากแอ็กชันใหญ่ และการใช้เทคนิค slow motion เพื่อเน้นย้ำความตื่นเต้นของฉาก แถมยังเก็บรายละเอียดแม้กระทั่งปืนของกลุ่มตาลิบันที่ใช้ จากการที่เขาได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธและยุทธวิธีของกลุ่มตาลิบันอย่างละเอียด เพื่อให้หนังมีความสมจริงมากที่สุด

มากไปกว่าฉากแอ็คชันแล้ว หนังเรื่องนี้ยังนำเสนอเรื่องราวดราม่าที่เข้มข้นอีกด้วย เพราะความสัมพันธ์ระหว่างจอห์นและอาเหม็ด ค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างช้าๆ ผ่านช่วงเวลาที่ทั้งคู่ต้องเผชิญกับอันตรายร่วมกัน ในช่วงแรกที่จอห์นมองว่าอาเหม็ด เป็นเพียงคนท้องถิ่นที่ไร้ประโยชน์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ได้เรียนรู้ว่าอาเหม็ดมีความกล้าหาญและเสียสละเป็นอย่างมาก ตัวอาเหม็ดเองก็เริ่มที่จะเปิดใจให้กับจอห์น เพราะทั้งสองคนต่างก็มีบางอย่างที่เหมือนกัน นั่นคือความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่และปกป้องคนที่รัก ทำให้เห็นว่ามิตรภาพสามารถเกิดขึ้นได้แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด จนทำให้เราเห็นได้ว่า แม้จะเกิดความขัดแย้งกันของสถานการณ์ความไม่สงบ แต่ผู้คนต่างสัญชาติกันอย่างพวกเขาก็สามารถร่วมมือกันได้ และเป็นบทพิสูจน์ว่ามนุษย์ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ

โดยรวมแล้ว The Covenant เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญที่ผสมผสานเข้ากับความดราม่าได้อย่างลงตัว มีฉากแอ็คชันที่ดุเดือด สมจริง พร้อมทั้งนำเสนอเรื่องราวที่เข้มข้น นี่จึงไม่ใช่แค่หนังแอ็คชั่นทั่วไปที่แค่มีฉากยิงๆ กันแล้วหาฝั่งที่เป็นฝ่ายชนะสงครามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากสงครามและการที่คนทุกเชื้อชาตินั้นสามารถอยู่ร่วมกันได้เพียงแค่เรียนรู้และเข้าใจในความต่างของกันและกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ไม่ควรพลาดจากผู้กำกับอย่าง กาย ริตชี่ เลยทีเดียว