The Killer ภาพยนตร์แอ็คชั่นจากผลงานผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ ที่สร้างจากนิยายภาพชุดเรื่อง The Killer นำแสดงโดยไมเคิล ฟาสเบ็นเดอร์ในบทบาทนำ ร่วมกับื อาร์ลิส ฮาวเวิร์ด, ชาร์ลส พาร์เนล, และไบรอัน ไทรี เฮนรี เล่าเรื่องราวของ เจมส์ คอลเลียร์ (แสดงโดย ไมเคิล ฟาสเบ็นเดอร์) นักฆ่ารับจ้างผู้เก่งกาจและไร้ความปรานี มาทำงานให้กับขบวนการฆ่าล่าหัวระดับโลก แต่แล้ววันหนึ่งกลับถูกหักหลังโดยเจ้านายของตัวเอง ทำให้เขาต้องหลบหนีและพยายามเอาชีวิตรอด จนตัดสินใจเข้าไปพัวพันกับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังถูกตามล่าจากกลุ่มอาชญากร
ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดเรื่องด้วยฉากการฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมอย่าง เจมส์ คอลเลียร์ นักฆ่ารับจ้างฝีมือฉกาจที่กำลังฆ่าเหยื่ออย่างไร้ความปราณี เขาทำงานให้กับขบวนการฆ่าล่าหัวระดับโลกและไม่เคยทำงานพลาดเป้า ต่อมาเจมส์ได้ถูกส่งไปฆ่าเป้าหมายอีกคนหนึ่ง แต่แล้วก็ถูกหักหลังโดยเจ้านายของตัวเอง ทำให้เขาต้องหลบหนีและพยายามเอาชีวิตรอด จากนั้นจึงตัดสินใจเข้าไปพัวพันกับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังถูกตามล่าจากกลุ่มอาชญากร แถมต้องเผชิญกับความอันตรายต่างๆ ระหว่างทาง เจมส์ก็ได้เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองนั้นได้ทำลงไปจนเริ่มรู้สึกผิดกับการฆ่าคน และสงสัยว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ และควรจะเลือกอะไรหระหว่างการเป็นแค่นักฆ่ารับจ้าง หรือจะเป็นแค่คนธรรมดา
ต้องบอกเลยว่า เดวิด ฟินเชอร์ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์แนวอาชญากรรมระทึกขวัญออกมาได้ดีมากๆ อยากผลงานเก่าๆ ที่เขาเคยไว้หลายเรื่องก็ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย เช่น Se7en (1995), Fight Club (1999), และ Gone Girl (2014) ซึ่งใน The Killer ก็ยังคงรักษาสไตล์การกำกับอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาไว้ได้อย่างครบถ้วน การใช้ภาพและเสียงเพื่อสร้างบรรยากาศที่กดดันและน่าติดตาม ฉากแอ็คชั่นก็มีความสมจริงและเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างดุเดือดจริงๆ
งานด้านการแสดงในเรื่องนี้ก็ไม่เป็นรอง เพราะ ไมเคิล ฟาสเบ็นเดอร์ ถือว่ารับบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยมในบท ถ่ายทอดความเย็นชาและไร้ความปรานีของตัวละครได้ดีมาก อารมณ์ที่ซับซ้อนของตัวละครก็มาครบทุกแนวเลย ส่วนเรื่องของบทภาพยนตร์นั้นก็เป็นการดัดแปลงมาจากนิยายภาพซึ่งก็เคารพต้นฉบับดีและมีการดัดแปลงเล็กน้อยจนมันออกมาดียิ่งกว่าเดิมไปอีก เราจะได้รับชมความเข้มข้นและเต็มไปด้วยอารมรณ์ดิ่งสุดดำมืดของตัวละคร รวมถึงพล็อตเรื่องราวก็มีความซับซ้อนและน่าติดตาม
The Killer จัดว่าเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญที่เข้าถึงอารมณ์ได้ดีสุดๆ ที่คอหนังบู๊ไม่ควรพลาด แม้ว่าตัวหนังจะมีความยาวราวๆ เกือบสองชั่วโมง แต่บอกเลยว่าเต็ฒอิ่มจุใจจริงๆ ปมปัญหาต่างๆ ของเรื่องก็คลายได้อย่างไร้ข้อกังขาในตอนจบ จนไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถถ่ายทอดหลายๆ อย่างได้ดีขนาดนี้ ทั้งฉากบู๊ เรื่องราวเข้มข้น และอารมณ์ของตัวละคร นี่คืออีกหนึ่งเรื่องที่คอหนังห้ามพลาด